![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhORarc3dVafqJf14emvm9QMFSgpAFaDtmLuPXTBroUpdu5jQ_HBF1v8HKt5tc1btsS2OYjhFeBYO3jhzq8vVBqf00QeYpljPt75WJEGzzKhYxaxciWu0Ox4_x9aZhNOQm2GAd7IXghLK0i/s320/banner1.png)
วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2552
นักวิจัยม.เกษตรฯทำได้ (โดย เดลินิวส์ วันที่ 2008-11-19)
อาหารเสริมเลือดจระเข้ทีมนักวิจัยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศึกษาเลือดจระเข้ เอามาพัฒนาเป็นอาหารเสริมบำรุงสุขภาพ เพิ่มมูลค่า ที่ผ่านมาใช้ประโยชน์แค่เนื้อกับหลังรศ.วุฒิชัย กปิลกาญจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยได้นำผลจากการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับคุณสมบัติของเลือดจระเข้ ซึ่งเป็นผลงานของ รศ.ดร.วิน เชยชมศรี และ รศ.ดร.จินดาวรรณ สิรันทวิเนติ อาจารย์ภาควิชาสัตววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มาขยายผลในเชิงพาณิชย์ โดยการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับ ห้างหุ้นส่วน จำกัดวานิไทย ในการผลิตแคปซูลเลือดจระเข้แห้ง เพื่อใช้เป็นอาหารเสริมบำรุงสุขภาพ ซึ่งการดำเนินการครั้งนี้ ถือเป็นการบูรณาการระหว่างงานวิจัยและการถ่ายทอดเทคโนโลยี ที่สามารถนำองค์ความรู้จากการวิจัยมาใช้ในเชิงพาณิชย์ จนสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศรศ.ดร.วิน เชยชมศรี กล่าวว่า หลังจากได้เริ่มงานวิจัยเรื่องเลือดของจระเข้มาตั้งแต่ปี 42 จนถึงปัจจุบัน พบว่า เลือดจระเข้มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เนื่องจากมีองค์ประกอบของโปรตีนและเกลือแร่หลายชนิด ทั้งแคลเซียม เหล็ก แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โซเดียม วิตามิน เอ บี1 บี2 ที่ผ่านมาเราใช้ประโยชน์เพียงหนังกับเนื้อเท่านั้นส่วนเลือดจะทิ้งไป งานวิจัยจึงเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์สำหรับการนำเลือดจระเข้มาทำเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ขั้นตอนสำคัญอยู่ที่การเจาะเลือดต้องให้มีความสะอาดมากที่สุดโดยใช้อุปกรณ์เจาะเลือดที่ได้คิดค้นขึ้นเอง จากนั้นนำมาผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อ และทำให้เลือดระเหิดแห้ง นำมาบดให้ละเอียดก่อนที่จะบรรจุใส่แคปซูล วิเคราะห์ด้านคุณภาพ และตรวจสอบเชื้อจุลินทรีย์ เพื่อไม่ให้มีการปนเปื้อน โดยทุกขั้นตอนจะต้องปฏิบัติในห้องปลอดเชื้อเท่านั้น
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)